นานแล้วที่ไม่ค่อยได้เห็นออกสื่อ สำหรับ ‘อาตุ่ม ชลิต เฟื่องอารมย์’ หลังปลีกตัวลาเมืองกรุงไปใช้ชีวิตบ้านๆที่จังหวัดจันทบุรี

อีกทั้งในวัย 70 ปลายๆก็ไม่อยู่เฉยเป็นนายหัวคุมสวนทุเรียนกว่า 50 ไร่ และรีสอร์ทหรูริมทะเล กิจการครอบครัวที่ทำมานาน อีกทั้ง

‘อาตุ่ม ชลิต เฟื่องอารมย์’ ก็ดูแลตัวอยู่ตัวคนเดียว นานๆทีทายาทบุตรหลานจะแวะเวียนกลับไปเยี่ยมหา โดย ‘อาตุ่ม ชลิต เฟื่องอารมย์’

แยกกันอยู่กับครอบครัว โดยหลักๆฝังภรรยาจะไปอยู่กับ 2 ทายาท ‘แนน ชลิตา และ น็อต วรวฤทธิ์ เฟื่องอารมย์’ ที่กรุงเทพ ส่วนตัว

‘อาตุ่ม ชลิต เฟื่องอารมย์’ อาศัยอยู่ที่จันทบุรีมานานกว่า 30 ปี แล้วเผยอยากออกมาอยู่เงียบๆเบื่อความวุ่นวายของเมืองหลวง นอกจากนี้

‘อาตุ่ม ชลิต และ แนน ชลิตา’ ก็เคยได้เปิดใจให้สัมภาษณ์ นานๆทีจะออกจากบ้านสวนมาเข้ากรุงพร้อมเผยเรื่องราวชีวิตปัจจุบันไว้ว่า

“ตอนนี้ทำสวนผลไม้ อยู่จันทบุรี ซึ่งเราอยู่ที่นี่มา 30 ปีแล้ว คือเราเป็นคนที่ชอบความสงบนิ่ง ความเงียบสงบมันทำให้เกิดสมาธิ ทำให้ใจ

เราสงบ แล้วพวกเราก็อยู่กับสิ่งสวยงาม อยู่กับธรรมชาติ มันทำให้ชีวิตเรามีความสุขมาก เพราะอยู่กรุงเทพฯ ก็มีแต่ความวุ่นวาย ก็ไปทำเป็น

สวนทุเรียน ส่วนมากก็จะเป็น หมอนทอง ชะนี พวงมณี ทุเรียนขึ้นชื่อที่จันทบุรี คือหมอนทอง มีทั้งหมด 50 ไร่ ถามว่ากระทบไหม

บังเอิญราคาดี คือตอนที่เรามาทำใหม่ๆทุเรียนราคาดี ส่วนมากคนเขาทำมักจะส่งออก คือทางจีนจะมารับซื้อ เรื่องค่าใช้จ่ายก็สูงตามด้วย

แล้วเราทำคนเดียวไม่ไหว เราต้องจ้างคนงานทุกวัน คนงานประเทศเพื่อนบ้านนี่แหละ เต็มสวนเลย” แล้วทาง ‘แนน-น็อต’ ไปเยี่ยมบ่อยไหม

“ก่อนหน้าไม่ค่อยไป แต่พอมีหลานไปบ่อย เพราะหลานอยากไปหาตา ปีหนึ่งเราก็ไป 3-4 ครั้ง ส่วนตัวก็ห่วงคุณพ่อ ก็บอกคุณพ่อตลอด

เรื่องขับรถ ให้จ้างคนขับรถให้ขับไปไหนมาไหนให้ ท่านก็จะบอกว่า ไม่รู้ว่าจ้างแล้วจะเขามาอยู่ตรงไหนของชีวิต เอามาก็เป็นภาระ แต่เรา

อยากให้จ้างเพราะเราก็ห่วงคุณพ่อ เพราะท่านอายุเยอะแล้ว” นอกจากนี้ ‘อาตุ่ม ชลิต เฟื่องอารมย์’ ยังมีรีสอร์ทริมทะเล โดยเจ้าตัวเผยว่า

“รีสอร์ทช่วงก่อน ด้วยสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นมันก็ไม่ค่อยมีใครมาเข้าพัก แต่เราก็ยังเปิดอยู่ ถ้าจะให้มาอยู่กรุงเทพก็เสี่ยง อยู่โน่นปลอดภัย

เพราะอยู่ในสวนก็ไม่มีใคร อยู่รีสอร์ทก็ปลอดภัยเพราะลุกค้าไม่ค่อยมี ห้างอะไรเราก็ไม่เข้า ที่ไหนเราก็ไม่ไป เพราะฉะนั้นปลอดภัยแน่ๆ จริงๆไม่ต้องห่วง แนน-น็อต เขาดูแลตัวเองดี คือที่เป็นอยู่ปัจจุบันเราก็พอแล้ว”