‘เชษฐ์ วรเชษฐ เอมเปีย’ อดีตมือกลอง วงสไมล์บัฟฟาโล่ กลับการเลือกหนทางชีวิตที่แตกต่างออกไปหลังจากหันหลังให้วงการเพลง

โดยการทิ้งชีวิต ยุคเฟื่องฟู ทิ้งชื่อเสียง ตัดสินใจหันหลังให้วงการ เดินหน้าสู่ชีวิตที่เรียบง่าย โดยยึดอาชีพเกษตรกรพอเพียง

“คือทุกวันนี้ผมทำนาอยู่นะครับ ทำนา ทำสวน เกี่ยวกับการเกษตรอินทรีย์ทั้งหมดเลย คือพวกนี้ผมคิดว่ามันเป็นความจริงใจที่สุด

หมายความว่าเราเอง เราสามารถเรียนรู้ธรรมชาติ คือผมจะบอกตรง ๆ เลยว่าจากไปเราก็เอาอะไรไปไม่ได้เลยสักบาทเดียว ทรัพย์สินอะไรก็เอาไปไม่ได้เลย

ผมมีโรงทาน ‘เชษฐ์ สไมล์บัฟฟาโล’ อยู่ โรงทานผมก็จะเป็นโรงทานที่เลี้ยงเด็กยากไร้ ผู้ที่ไม่มีพ่อแม่ แล้วเป็นสิ่งที่ผมเลี้ยงดูคนเฒ่าคนแก่ที่ทำมาหากินไม่ไหว

เงินทุนที่ใช้ก็มาจากตัวผมเอง ผมได้เงินจากทำข้าวไรซ์เบอร์รี่เป็นล้าน ๆ ผมดำเนินชีวิตแนวพอเพียงครับ แล้วเหลือเงินเยอะ

ณ ปัจจุบันนี้ ความสุขที่แท้จริงก็คือผมได้อยู่กับธรรมชาติ อยู่กับสิ่งที่มั่นคงยั่งยืน การดำเนินชีวิตแบบพอเพียง ไม่จำเป็น

ต้องเป็นเกษตรกร ทุกอาชีพ ถ้ารู้จักการดำเนินชีวิตพอเพียง เพียงพอ พอมันมีเหลือแล้วมันจะแบ่งปันได้

ไม่ต้องเข้ามาเมืองหลวง เพื่อมาดิ้นรน และผมสร้างธรรมชาติเกิดขึ้นมาได้ ในระยะเวลากว่า 10 ปี ผมปลูกต้นไม้กว่าจะโต จนตอนนี้นี้เป็นป่าหมดแล้ว

เด็ก ๆ ที่ไม่มีพ่อแม่ เค้าก็มาอาศัยที่โรงทาน มากินมานอนอยู่ที่นั่น เด็กบางคนที่พ่อแม่เลิกรากัน แทนที่จะเป็นเด็กมีปัญหา

เราก็จับเอามาฝึกอาชีพ ฝึกทำการเกษตร ฝึกดนตรี เค้าก็มีความรู้วิชาช่าง เด็กก็มีรายได้ ช่วยเหลือตัวเองได้ โดยไม่เป็นภาระของสังคม

อีกอย่างคือเด็กมีเงินเยอะ ก็จะฝากผมไว้เรื่อย ๆ แล้วผมก็จะส่งเข้าเรียน กศน. อย่างน้อยก็ไม่จำเป็นต้องเรียนอะไรมากมาย ไม่ต้องฉลาดมาก

ฉลาดมากก็เป็นทุกข์มาก เรียนให้มันรู้เรื่องพอแล้ว และอาศัยปริญญาชีวิตเอาละกัน ต้องจบปริญญาชีวิต ทำกินทำใช้ มีเงินเจือจุนคนในครอบครัว

เราเหลือใช้ แล้วก็แจกจ่ายครับ ส่งนักเรียนเรียนหนังสือ เด็กเล็ก ๆ ที่เขาไม่มีพ่อแม่ เราก็ส่งเขาเรียน จนกว่าเขาจะพอใจ ก็มีเด็กหลายคนที่เป็นลูกคนจนอยู่ที่นั่น

เราทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ทำอะไรที่เป็นความสุขก็พอแล้ว ไม่ต้องหวังผลตอบแทน ไม่ต้องสนใจว่าใครจะเกลียดจะรัก มันไม่ใช่จุดหลักที่เราจะเอามาสนใจครับ”