Uncategorized
เมธี ลาบานูน หายไป 8 ปี

ถ้าพูดถึงศิลปินร็อกที่ประสบความสำเร็จสุดๆในยุคนี้ หลายคนคงต้องนึกถึงวงร็อกร้อยล้านวิวอย่างวงลาบานูน ที่มีผลงานเพลงฮิตร้อยล้านวิวต่อเนื่องและมีงานคอนเสิร์ตต่อเนื่องหลายปี

จนทำให้พวกเขากลายเป็นศิลปินที่หลายคนมองว่าเป็นไอดอลในด้านของความสำเร็จ ซึ่งในช่วงที่พักงานคอนเสิร์ต เขาก็ได้กลับไปเยี่ยมครอบครัว

พร้อมโพสต์เล่าถึงเรื่องราวความลำบากในวัยเด็กที่เขาไม่ค่อยเปิดเผยให้ใครได้ทราบ พร้อมเล่าถึงชีวิตในปัจจุบันที่เรียบง่ายของพ่อแม่เขา

ที่ยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิมถึงแม้ว่าเมธีจะประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว และแม้จะห่างหายจากวงการไปเกือบ 8 ปี แต่เมื่อกลับมาอีกครั้ง

ก็ได้การตอบรับจากแฟนเพลงอย่างล้นหลาม ทุกเพลงฮิตมียอดวิวพุ่งทะยานหลายร้อยล้านวิว แต่ผ่านความหนักหนาทั้งกายและใจกว่าจะมีอัลบั้มแรกเป็นของตัวเอง

แต่สุดท้ายกลับพบว่า ความสำเร็จของเขาไม่ใช่ชื่อเสียงเงินทอง “ผมโตที่จังหวัดนราธิวาส โตขึ้นมาไม่ได้มีความฝันว่าอยากจะเป็นนักร้อง แต่ผมอยากเป็นปลัดอำเภอ เพราะพ่อผมเป็น อส. เป็นลูกน้องปลัด

คอยขับรถให้ ผมเลยอยากเป็นปลัด แม่ผมกรีดยางพารา และพอม.4 ได้เข้ามาประกวดฮอตเวฟ มิวสิค อวอร์ด นี่คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้มาเป็นนักร้องมาคุยงานเพลง กับ พี่เอก ธเนศ วรากุลนุเคราะห์

ทำให้ผมมีงานทำมีรายได้ พอเพลงยามปล่อยไป เป็นซิงเกิ้ลแรก กระแสตอบรับดีมาก และผมไปออกรายการโทรทัศน์และแม่เปิดทีวีดูพอดี ความเลยแตก

พออัลบั้มชุดแรกได้หนึ่งล้านตลับ พอเราได้เงิน เลยโอนเงินก้อนแรกห้าแสนบาทให้แม่หมดเลย หวังจะให้แม่ทำบ้าน แต่แม่ไม่รับและยืนยันว่า อยากให้ลูกตั้งใจเรียนให้จบ

ผมจึงอำนวยความสะดวกทุกอย่างให้ที่บ้าน และยังทำงานเพลงไปเรื่อย ๆ จนช่วงหนึ่งถึงจุดเปลี่ยน เลยคุยกันกับสมาชิกในวง ว่าจะหยุดชั่วคราว ต่างคนเริ่มมีอะไรของตัวเอง

ผมกลับบ้านที่นราธิวาส ไปเป็นนักการเมืองท้องถิ่น แล้วก็มาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย สอนวิชารัฐศาสตร์อยู่ 4-5 ปี เป็นช่วงชีวิตที่ผมรู้สึกว่ามีความสุขมาก ต่พอเป็นอาจารย์ได้สัก 3-4 ปี

ก็พบว่าเป็นเรื่องทางวิชาการทำให้ผมคิดว่าแค่ผมจบโทแล้วไปสอนความรู้ที่มีน่าจะไม่เพียงพอ จนต้องกลับมา ถามตัวเองว่าชีวิตต่อจากนี้เราอยากอยู่สายวิชาการจริงหรือ และได้พบว่าเราไม่ได้อยากเป็นครู

เราแค่อยากเป็นนักบรรยายจึงตัดสินใจลาออก แต่จู่ๆ วันหนึ่งเปิดวิทยุฟังขณะกำลังขับรถไปมหาวิทยาลัยมีเด็กโทรเข้ามาถามดีเจว่า ลาบานูนหายไปไหน อยากฟังลาบานูนเมื่อไรจะออกเพลงใหม่

มันก็ทำให้เราคิดได้ และรู้ว่าก็ยังมีคนคิดถึงเราอยู่ จนได้กลับมาครั้งนี้มีงานแน่นเกือบทุกวัน ช่วงนั้นเล่นคอนเสิร์ตเกือบทุกวัน แต่อยู่ ๆ ผมเล่นคอนเสิร์ตไม่ได้ กลัวเวที เคยเห็นคนกลัวความสูงไหมครับ

อารมณ์ผมก่อนขึ้นเวทีเป็นอย่างนั้นเลย ต้องหิ้วปีกผมขึ้นเวที ก็เลยคุยกันว่าให้ลดงานลงในหนึ่งอาทิตย์เจอกัน 3 วัน อีก 4 วันที่เหลือก็ให้ไปอยู่กับสิ่งที่ตัวเองอยากทำแล้วความสุขที่ผมค้นพบ

ก็คือการที่ได้นั่งกินข้าวกับแม่กับครอบครัวได้ถามทุกข์สุข ได้อยู่กับธรรมชาติ คือมันเป็นเรื่องเล็กๆ ชีวิตผมถึงจะเกิดมายากจน มีความลำบาก มีอุปสรรคบ้างผมไม่ได้มองว่ามันเป็นปัญหาอะไร

เพราะวันที่ผมไม่มีอะไรผมยังมีภาพครอบครัวตัวเอง ขับรถมอเตอร์ไซต์เก่าๆ หยิบลูกคนโตมานั่งหน้า ลูกอีกคนนั่งหลัง แม่ซ้อนท้ายแล้วก็ขับไปชายทะเล มีเสื่อผืนหนึ่งมาวาง นั่งกินข้าวกัน

คือพอเรามองย้อนกลับไปมันเป็นภาพที่สร้างความสุขและเป็นแรงให้เราทำงานต่อ สุดท้ายมันอยู่ที่ว่าแต่ละคนวางความสำเร็จไว้ที่เรื่องอะไร ผมวางความสำเร็จไว้ที่ความสุข

วันนี้ชีวิตผมมีความสุขก็ถือว่าผมประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิตแล้ว” โดย ‘เมธี ลาบานูน’ โพสต์ภาพลงเฟซบุ๊กพร้อมแคปชั่นว่า “เติบโตมาท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ ตั้งแต่ผมยังเด็กจนถึงตราบถึงวันนี้แม่และครอบครัวผมก็ยังตัดยาง และยังยึดอาชีพนี้อยู่เสมอ