หรับอดีตนักร้องหมอลำรุ่นใหญ่ ปริศนา วงศ์ศิริ ที่ผันตัวเองไปทำอาชีพเกษตรกร จนต้องนำมะละกอที่ปลูกเองจากสวนนำมาขายริมถนน

โดยไก่ ปริศนา ได้มีการไลฟ์สดขายมะละกอซึ่งก็มีคนช่วยแชร์จำนวนมาก และในช่วงไลฟ์สดอยู่นั้นยังเผยว่าตอนนี้ได้ทำมะละกอฮอลแลนด์ออกมาเปิดท้ายขาย

สาเหตุที่นำมาขายเพราะเศรษฐกิจขายของยากมาก ก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เดินต่อไปได้ และบางช่วงยังมีการร้องหมอลำเรียกลูกค้าอีกด้วย

ปลายสัปดาห์ที่แล้วมีภาพที่โซเชียลแชร์กันเป็นแม่ค้าขายของเกิดอะไรขึ้น ไก่ ปริศนา ช่วงนี้มันมาหลายระลอก ทีนี้เราเป็นเกษตรกร เป็นมานานแล้ว

แต่ไม่มีใครทราบว่าเราทำอะไร นอกจากเราไปร้องหมอรำ งานคอนเสิร์ตหมอรำ หรือแสดงละคร ซึ่งอาชีพนี้เราทำมานานแล้วปลูกข้าวสุขภาพ พืชผักผลไม้

แล้วเมื่อปีที่ผ่านมาตอนรอบแรกก็ไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายหนักขนาดนี้ มีลุงคนนึงให้เราปลูกมะละกอฮอลแลนด์ ตอนนั้นเราก็ปลูกไป 15 ไร่

ไก่ ปริศนา ก็มะละกอมันไม่มีตลาดลง เพราะเดี๋ยวก็เจอคลัสเตอร์ทุกตลาด คือขายไม่ได้เราก็ต้องทิ้งมะละกอวันละ 3-4 ตัน เลยตัดสินใจลงมาขายเอง

คนคิดว่ามะละกอฮอลแลนด์น่าจะแพง เราขายก็ขายไม่แพง ก็น่าจะได้นะ วันนึงปุ๋ยพันกว่า เราไปขายก็คิดว่าน่าจะได้ค่าแรงลูกน้องก็ยังดีกว่าเอาไปทิ้ง

แล้วนอกจากเกษตรกรสิ่งที่ทุกคนรู้จักคือ นักร้อง หมอรำ เล่นละคร ไม่ได้ทำมานานเท่าไหร่แล้ว ไก่ ปริศนา คือแม่ไม่ได้เล่นละครเลยตั้งแต่กุมภาพันธ์

เพราะต้องปิดกองถ่าย แล้วก็งานคอนเสิร์ตที่เราไปโชว์ตามงานวัด งานบุญ งานอะไร ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน จนเดี๋ยวนี้ไม่มีอะไรเหลือเลย

8 เดือนแล้ว ไก่ ปริศนา งดหมด เพราะว่าตามนโยบายของรัฐบาล ไม่ให้ชุมนุมเยอะๆ คิดถึงเวลาขึ้นคอนเสิร์ตจับไมค์ ถ้าย้อนกลับไป 40 ปี แม่เป็นเบอร์1 แม่ค่อนข้างโด่งดังมากๆ

ตอนนั้นแม่เป็นคนล่าฝัน อยากเป็นนักร้อง อยากทำแผ่นเสียง เพราะว่าบ้านแม่อยู่ไกล ต้องตื่นมาฟังวิทยุหมอรำตอนเช้า ได้ยินนิดๆ หน่อยๆ มันก็จะมาฝังอยู่ในหัวเรา

ตอนนั้นแม่มาสมัครเรียนทำผมที่เกศสยาม ก็มารู้จักกับคุณอาสมชาย ท่านก็เอาแม่ไปขึ้นปกหนังสือ แล้วบอกว่าจะพาไปรู้จักกับเพื่อน เขาทำหนัง ทำละคร ไปแสดงหนังกับเขา

ก็เลยพาไปรู้จักกับคุณหรั่ง ไพรัช สังวริบุตร เลยได้เล่นละครเรื่องแรก ขุนแผนผจนภัย ด้วยความโชคดีเลยมีละครอีกหลายเรื่องตามมา และที่โด่งดังมากๆ ตอนนั้นก็คือละคร “แก้วหน้าม้า”

สมัยก่อนหนุ่มๆ จีบเยอะไหม มันไม่มีใครมาจีบเลย เพราะว่ามันอยู่ในป่า อย่างแม่นาคพระโขนงเราถ่ายกลางคืน กลางวันเราก็นอน ตื่นอีกทีก็บ่าย3-4 โมง ทานข้าวก็เตรียมเข้ากองแล้ว